ฉีด PRP ผม

การรักษาผมบาง ผมร่วงมีหลากหลายวิธี ขึ้นกับความรุนแรงและข้อจำกัดของแต่ละคน ปัจจุบันการรักษาการโดยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น หรือโปรแกรมฉีด PRP ผม ที่ย่อมาจาก Platelet Rich Plasma เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาผมบาง ผมร่วง ช่วยกระตุ้นรากผม หรือช่วยเสริมการงอกหลังปลูกผมได้ด้วย โดยโปรแกรมฉีด PRP ผม (PRP Hair) เป็นการรักษาที่เจ็บน้อยกว่าการปลูกผม ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เพราะเป็นการรักษาด้วยเลือดของเราเอง บทความนี้ แพทย์จาก Dr.Tarinee Hair Clinic จะพามาทำความรู้จักกับการฉีด PRP


KEY TAKEAWAY

  • โปรแกรมฉีด PRP ผม คือ การฉีดเกล็ดเลือดของตนเองเข้าไปบริเวณผมและหนังศีรษะ เพื่อช่วยในการชะลอการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของผม และทำให้ผมแข็งแรงขึ้น
  • ในเกล็ดเลือดจะมีส่วนประกอบที่เรียกว่า Growth Factor ที่ช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือด และกระตุ้นเซลล์รากผมให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง
  • คนที่เหมาะกับโปรแกรมฉีด PRP ผม คือ ผู้ที่มีภาวะผมบางจากกรรมพันธุ์, ผู้ที่ไม่สามารถใช้การรักษาวิธีอื่น ๆ ได้, ผู้ที่ใช้ยารักษาผมร่วงแล้วยังไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หรือ ผู้ที่ผมบาง ผมร่วงหลังภาวะเจ็บป่วย เป้นต้น
  • การฉีด PRP จะไม่เหมาะกับคนที่มีผมบางมาก ๆ หรือไม่มีรากผมบริเวณนั้นแล้ว และผู้ที่มีภาวะเช่น ป่วยโรคมะเร็ง, มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ, มีภาวะเลือดจาง, กำลังตั้งครรภ์ เป็นต้น
  • โปรแกรมฉีด PRP ผมมีจุดเด่น คือ เจ็บน้อยมาก, ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น, โอกาสแพ้ต่ำ เนื่องจากใช้เลือดของตัวเอง , ได้ประสิทธิภาพดี และสามารถทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้ 
  • ผลลัพธ์หลังทำโปรแกรมฉีด PRP ผมคนไข้ส่วนใหญ่จะพบว่า ผมร่วงน้อยลงใน 1 เดือนแรก และจะเริ่มเห็นไรผมขึ้นมาใหม่หรือผมหนาขึ้นในช่วงเดือนที่ 3

รู้จักกับ “โปรแกรมฉีด PRP ผม” คืออะไร?

ฉีด PRP ผม คือ
ฉีด PRP ผม คือ

โปรแกรมฉีด PRP ผม (Platelet Rich Plasma) คือการนำพลาสม่าที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงของเราเองมาปั่นโดยใช้เครื่องเหวี่ยง เพื่อแยกส่วนของเกล็ดเลือดออกมาและฉีดกลับเข้าไปในบริเวณที่ต้องการรักษา ซึ่งเกล็ดเลือดใน PRP มีมากกว่าปกติ 3–4 เท่า ที่สำคัญเกล็ดเลือดเข้มข้นนี้จะอุดมไปด้วยสารอาหารที่เรียกว่า Growth Factor มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ จึงถูกนำมาใช้ทั้งในการปลูกผม เพราะช่วยในการชะลอการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของผม และทำให้ผมแข็งแรงขึ้น และไม่เสี่ยงต่อการแพ้


ใครที่เหมาะกับโปรแกรมฉีด PRP ผมบ้าง?

คนที่เหมาะกับการฉีด PRP ผม คือ ผู้ที่มีภาวะผมบางจากกรรมพันธุ์ (androgenetic alopecia) ซึ่งต้องการเสริมการรักษาให้เร็วขึ้น, ผู้ที่ไม่สามารถใช้การรักษาวิธีอื่น ๆ ได้, ผู้ที่ใช้ยารักษาผมร่วงแล้วยังไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ, ผู้ที่ผมบาง ผมร่วง และไม่ต้องการปลูกผม เนื่องจากไม่มีเวลาพักฟื้น รวมไปถึงผู้ที่ผมบาง ผมร่วง หลังภาวะเจ็บป่วยไม่สบาย


จุดเด่นของการรักษาด้วยโปรแกรมฉีด PRP ผม มีอะไรบ้าง?

คนไข้หลายคนมักสอบถามคุณหมอเข้ามาบ่อย ๆ นะคะ ว่าการการรักษาด้วยโปรแกรมฉีด PRP ผม มีข้อดีอย่างไร และทำไมถึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูเส้นผมได้แลดูเป็นธรรมชาติ วันนี้หมอจะมาอธิบายถึงจุดเด่นของการรักษาด้วยวิธีนี้กันค่ะ

  • เจ็บน้อย
  • ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
  • มีความปลอดภัยในระดับนึง เนื่องจากเป็นการใช้เลือดของตัวเอง ไม่มีสารเคมีอื่น ๆ ลงไปในการรักษา โอกาสที่จะแพ้หรือเกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์ต่ำ
  • มีประสิทธิภาพดีในการชะลอการหลุดร่วง และกระตุ้นให้ผมแข็งแรงขึ้น
  • ไม่มีแผล สามารถสระผมได้ในวันรุ่งขึ้น
  • โปรแกรมฉีด PRP ผมสามารถทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้ หรือทำเสริมการรักษาอื่นได้

ข้อจำกัดของโปรแกรมฉีด PRP ผม

แม้เป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูเส้นผมแบบไม่ต้องผ่าตัด แต่โปรแกรมฉีด PRP ผมก็มีข้อจำกัดบางประการ โดยการรักษานี้จะให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในกรณีที่คนไข้ยังคงมีรากผมอยู่ นอกจากนี้ โปรแกรมฉีด PRP ผม ยังไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะเหล่านี้ด้วย

  • ผู้ป่วยโรคมะเร็งและอยู่ในระหว่างการรักษาให้ยาเคมีบำบัด
  • ผู้มีประวัติเป็นโรคหรือกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติของเกล็ดเลือด 
  • ผู้มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำรุนแรง < 100,000 เกล็ดต่อไมโครลิตร 
  • ผู้มีภาวะเลือดจาง มีค่าฮีโมโกลบิน < 10 กรัมต่อเดซิลิตร
  • ผู้ป่วยที่ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด หรือบริเวณที่จะทำการรักษา
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่มีโรคของหนังศีรษะที่กำลังมีอาการกำเริบของโรค
  • ผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาละลายลิ่มเลือด และยา NSIAD สามารถหยุดก่อน 48 ชั่วโมงได้ หรือปรึกษาแพทย์ผู้รักษาอีกครั้ง
  • ผู้ที่มีการฉีด Corticosteroid บริเวณที่ทำการรักษาภายใน 1 เดือน หรือมีการใช้ Corticosteroid แบบกินหรือแบบฉีดเข้าร่างกายภายใน 2 สัปดาห์
  • ผู้ที่เคยเกิดอาการแพ้หลังการฉีด PRP ที่ศีรษะ 

การเตรียมตัวก่อนปลูกผมด้วยโปรแกรมฉีด PRP ผม

เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ควรมีการเตรียมความพร้อมก่อนปลูกผมด้วยโปรแกรมฉีด PRP ผม ดังนี้

  • หนึ่งวันก่อนทำหัตถการ ควรนอนพักผ่อน 8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมและได้เกล็ดเลือดที่คุณภาพดี
  • ควรดื่มน้ำมาก ๆ ก่อนและในวันทำหัตถการ
  • ก่อนการทำโปรแกรมฉีด PRP ผมที่ศีรษะ ควรสระผมมาก่อนทำ
  • ควรงดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • ควรงดยา NSAIDs ยาละลายลิ่มเลือด และยา Aspirin เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ 
  • หยุดการใช้อาหารเสริม เช่น วิตามินบี วิตามินอี สมุนไพร ใบแปะก๊วย ก่อนทำการรักษา 1 สัปดาห์ เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดการฟกช้ำ

หลังทําโปรแกรมฉีด PRP ผม ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

หลังจากทําโปรแกรมฉีด PRP ผม เพื่อกระตุ้นการทำงานของรากผมไปแล้ว การดูแลตัวเองในช่วงหลังจากนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญที่ต้องให้ความใส่ใจไม่แพ้กัน โดยหมอแนะนำให้ปฏิบัติ ดังนี้ค่ะ 

  • งดสระผม ใส่เจล สเปรย์ น้ำมันจัดแต่งทรงผม 4-6 ชั่วโมงแรกหลังทำ สามารถสระผมได้ในวันรุ่งขึ้น
  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ 1 วันหลังทำหัตถการ 
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานยาประเภทแอสไพรินและ NSAID ประมาณ 2-3 วัน
  • ในช่วงสัปดาห์แรก แนะนำให้ใช้ยาสระผมสูตรอ่อนโยนหรือยาสระผมที่แพทย์แนะนำ สระผมเบา ๆ ห้ามถูหรือขยี้รุนแรงบริเวณทำการรักษา
  • หลังจากรับการรักษาด้วยโปรแกรมฉีด PRP ผม อาจเกิดอาการบวมช้ำบริเวณศีรษะและใบหน้าได้ หากต้องการให้ยุบเร็ว สามารถประคบเย็นหรือนอนให้ศีรษะอยู่สูงกว่าปลายเท้า หรือหากปล่อยไว้ก็สามารถหายได้เองเช่นกัน โดยอาการบวมจะหายใน 2–3 วัน ส่วนการฟกช้ำจะหายไปใน 1-2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการออกแดด หรืออาบแดดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง

โปรแกรมฉีด PRP ผม ได้ผลจริงไหม ผลลัพธ์เป็นอย่างไร?

ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด PRP ผม
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด PRP ผม

ผลลัพธ์หลังทำโปรแกรมฉีด PRP ผม คนไข้ส่วนใหญ่จะพบว่า ผมร่วงน้อยลงใน 1 เดือนแรก และจะเริ่มเห็นไรผมขึ้นมาใหม่หรือผมหนาขึ้นในช่วงเดือนที่ 3 ซึ่งการฉีด PRP ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล บางคนก็เห็นผลชัดเจนในเดือนที่ 2 โดยแพทย์จะแนะนำให้ทำทุก 1 เดือน จนครบ 3 ครั้ง หลังจากทำครั้งที่ 3 ที่เป็นช่วงการกระตุ้นผมไปแล้ว จะเป็นการบำรุงรักษาต่อเนื่อง แนะนำให้ทำต่อทุก 3-6 เดือน เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมฉีด PRP ผม

หลังทำโปรแกรมฉีด PRP ผมจะพบว่าผมร่วงน้อยลงใน 1 เดือนแรก และจะเริ่มเห็นไรผมขึ้นมาใหม่หรือผมหนาขึ้นในช่วงเดือนที่ 3

หลังจากฉีด PRP ไป จะเริ่มเห็นผมหนาขึ้นชัดเจนที่เดือนที่ 3 ถึงเดือนที่ 6

อาจมีอาการเจ็บได้เล็กน้อยขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละราย โดยอาจเป็นการเจ็บช่วงฉีดยาชาซึ่งหมอจะใช้การประคบเย็น และเครื่องสั่นช่วยลดอาการเจ็บปวดร่วมด้วย

ผลลัพธ์ของการทำโปรแกรมฉีด PRP ผม จะอยู่ได้ประมาณ 3- 6 เดือน แพทย์จะแนะนำว่าควรทำการฉีดเพื่อบำรุงรักษาทุก 3-6 เดือนหลังจาก 3 เดือนแรก แต่ในรายที่มีการรักษาหลักอยู่ร่วมด้วยอยู่แล้ว อาจจะชะลอการฉีดไปได้ทุก 4-6 เดือน แพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นบุคคลไปอีกครั้ง

แพทย์จะไม่แนะนำให้ทำโปรแกรมฉีด PRP ผมในขณะที่กำลังเป็นมะเร็ง เนื่องจากจะยังมียาต่าง ๆ ในกระแสเลือดซึ่งอาจส่งผลต่อการรักษาผม และสภาพร่างกายยังไม่เหมาะสมกับการรักษานี้ หรือรักษาไปก็อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี


เลือกทำโปรแกรมฉีด PRP ผม เพื่อเส้นผมที่แข็งแรง ที่ Dr.Tarinee hair Clinic

การเลือกทำโปรแกรมฉีด PRP ผม เป็นการรักษาผมบาง ผมร่วง โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้น ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวสามารถทำร่วมกับการรักษาอื่น ๆ ได้ และเป็นหัตถการที่ปลอดภัยเพราะเป็นการนำพลาสม่าที่มีเกล็ดเลือดเข้มข้นสูงมาปั่น และฉีดกลับเพื่อกระตุ้นรากผม สามารถนำมารักษาผมบางในรายที่ไม่ต้องปลูกผม หรือใช้กระตุ้นผมที่ปลูกไปแล้วให้ขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนรับการรักษาควรให้แพทย์ประเมิน เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะค่ะ

และสำหรับใครที่สนใจโปรแกรมฉีด PRP ผม  บริการปลูกผม รวมไปถึงต้องการตรวจรักษาผมร่วง ผมบาง สามารถปรึกษาและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คลินิกปลูกผม Dr.Tarinee hair Clinic คุณหมอดูแลเองทุกรายค่ะ 

สอบถามเพิ่มเติมได้ผ่านช่องทางต่อไปนี้


References

Hopkinsmedicine. (2025, October 28). Platelet-Rich Plasma (PRP) Injections. Hopkinsmedicine. https://www.hopkinsmedicine.org/health/treatment-tests-and-therapies/plateletrich-plasma-prp-treatment

Scott Frothingham. (2024, February 1). PRP for Hair Loss. Healthline. https://www.healthline.com/health/prp-for-hair-loss