ปัญหาผมแห้งเสีย จนผมไม่มีน้ำหนักที่เมื่อส่องกระจกจัดแต่งทรงผมทีไรก็ไม่เป็นไปตามต้องการ วันไหนอยากจะปล่อยผมสบายๆ ยังทำได้ยาก เพราะผมชี้ฟูจนเกินเยียวยา จึงทำให้เกิดความกังวลใจต้องการวิธีแก้ไข วิธีการบำรุงที่เปลี่ยนผมเสียเป็นผมสวยอย่างเร่งด่วน แถมทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอีกด้วย ซึ่งขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องยากเพราะปัญหาผมเสีย แห้งฟู ไม่มีน้ำหนักแบบนี้แก้ไขได้ หากมีวิธีดูแลผม มีการบำรุงที่ถูกต้อง
วันนี้ Dr.Tarinee Hair Clinic ขอนำเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับวิธีดูแลผม บำรุงผมเสียแบบเร่งด่วนมาฝากทุกคนกันในบทความนี้ ไปอ่านพร้อมๆ เคล็ดลับเด็ดที่ทุกคนต้องห้ามพลาดกันเลยค่ะ
พฤติกรรมที่ทำให้ผมแห้งเสีย ไม่นุ่มสลวยโดยไม่รู้ตัว
ก่อนจะไปรู้จักวิธีดูแลผม แก้ผมฟูแบบเร่งด่วนนั้น เรามาสำรวจกันก่อนว่าพฤติกรรมใดบ้างที่ทำให้ผมแห้งเสีย ขาดความนุ่มสลวยโดยไม่รู้ตัว แล้วเราเคยทำกันมาบ้างมั้ย จะมีพฤติกรรมใดบ้างมาชมไปพร้อมๆกันดังนี้
- ใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผม : อย่างที่ทราบกันดีว่าการใช้ความร้อนและสารเคมีกับเส้นผมเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดผมเสีย ผมแตกปลายขึ้นมาได้ เพราะยิ่งจะทำให้ผมอ่อนแอจนขาดหลุดร่วงได้ง่ายมากขึ้น ฉะนั้นใครที่ชอบไดร์ผม ยืดผม ทำสีผมบ่อยครั้ง หากไม่รีบบำรุงหรือเว้นช่วงในการทำ อาจทำให้ผมแห้ง แตกปลาย ขาดหลุดร่วงง่ายจนนำไปสู่ปัญหาผมบางได้
- สระผมบ่อยเกินไป : แม้ว่าการจะสระผมจะช่วยให้เส้นผม และหนังศีรษะสะอาดอยู่เสมอ แต่การสระผมบ่อยเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี เพราะการสระผมบ่อยๆอาจทำให้น้ำมันที่อยู่บนหนังศีรษะ และเส้นผมเสียสมดุลได้ เมื่อเสียสมดุลจึงทำให้หนังศีรษะแห้ง เส้นผมขาดความชุ่มชื้น ผมเริ่มเกิดความอ่อนแอจนนำไปสู่ผมเสีย นอกจากนั้นการที่หนังศีรษะแห้งแบบนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดรังแคอีกด้วย
- หวีผมในขณะที่ผมเปียก : เคยไหมสระผมเสร็จปุ๊บ เช็ดผมไม่ทันแห้งก็หวีผมทั้งๆ ที่ผมเปียกอยู่อย่างนั้น การหวีผมในขณะที่ผมเปียกเป็นพฤติกรรมที่ทำให้ผมเสียที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง เพราะคิดว่าการหวีผมตอนเปียกไม่ได้ส่งผลกระทบใดกับเส้นผม แต่ในความเป็นจริงแล้วการหวีผมตอนเปียกไม่ใช่เรื่องดีเลย เนื่องจากการหวีผมตอนเปียกนั้นจะยิ่งทำให้ต้องออกแรงในขณะหวีผมมากขึ้นจากผมที่พันกัน เมื่อออกแรงหวีมากแบบนี้ก็จะยิ่งทำให้ผมขาดหลุดร่วง รากผมเกิดความอ่อนแอ
- แสงแดด มลภาวะในชีวิตประจำวัน : เพราะในการใช้ชีวิตแต่วันของคนเราต้องเจอแสงแดด มลภาวะจากกิจกรรมต่างๆ ซึ่งแสงแดด และมลภาวะทั้งหลายเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของผมแห้งเสีย ทำให้เกิดการทำลายโครงสร้างของเส้นผมนั่นเอง
- รวบผมตึงเป็นนานเกินไป : การรวบผมตึงไม่ว่าจะมัดผม ถักเปียตึง จะเป็นการดึงรั้งเส้นผมเป็นเวลานาน ทำให้รากผมเกิดความเสียหาย อ่อนแอ ขาดหลุดร่วงได้ง่าย จนนำไปสู่การเกิดผมร่วงได้ในที่สุด
- สวมหมวกหรือวิกนาน : การสวมหมวกหรือวิกเป็นเวลานานจะทำให้จะทำให้หนังศีรษะเกิดการอับชื้น ซึ่งอาจทำให้รากผมขาดอากาศ เส้นผมเกิดความอ่อนแอ มีส่วนกระตุ้นทำให้ผมร่วง และยังมีส่วนทำให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะได้อีกด้วย
แนะนำวิธีดูแลผม จากผมเสียให้เป็นผมสวย แบบเร่งด่วน
หลังจากที่เราได้ทราบไปแล้วเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ทำให้ผมเสีย ผมสุขภาพแย่แล้ว มาดูกันดีกว่าค่ะว่าแล้วมีวิธีดูแลผมวิธีไหนบ้างที่จะช่วยเนรมิตผมแห้งเสีย ผมชี้ฟู เปราะขาด แตกปลาย ให้กลับมาเป็นผมสวยได้อย่างง่ายๆ แบบเร่งด่วนกันบ้าง
1.สระผมอย่างถูกวิธี
วิธีการสระผมที่ถูกต้องนั้นถือเป็นขั้นตอนวิธีดูแลผมที่ทำได้ไม่ยาก แถมยังส่งผลดีในระยะยาวกับเส้นผมและหนังศีรษะอีกด้วย เนื่องจากการสระผมที่ถูกวิธีจะช่วยให้เส้นผม รวมไปถึงรูขุมขนบนหนังศีรษะไม่เกิดความเสียหาย โดยแนะนำว่าในระหว่างสระผมให้นวดหนังศีรษะเบาๆ ไม่เกาหนังศีรษะแรง น้ำที่ใช้สระผมไม่ควรเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นจนเกินไป และที่สำคัญไม่ควรสระผมเป็นประจำทุกวัน แนะนำสระครั้งละ 3-4 ครั้งต่ออาทิตย์ เพราะการสระผมทุกวันจะยิ่งทำให้เส้นผม หนังศีรษะแห้งมากขึ้น นอกจากผมจะแห้งเสียเพิ่มขึ้นแล้ว เมื่อหนังศีรษะแห้งอาจนำไปสู่สาเหตุการเกิดรังแคได้
อ่านบทความเพิ่มเติม : สระผมทุกวันดีไหม? ไขทุกข้อสงสัยให้กระจ่างเกี่ยวกับการสระผมทุกวัน
2.คอยบำรุงเติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม
การบำรุงเติมความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญของการดูแลเส้นผม เมื่อเส้นผมเกิดความชุ่มชื้นก็จะช่วยฟื้นฟูผมที่แห้งเสียให้กลับมามีน้ำหนัก ลดการชี้ฟูลงได้ ช่วยบำรุงได้อย่างล้ำลึก โดยสามารถบำรุงผมได้ด้วยครีมนวด ทรีตเมนต์สูตรต่างๆ อย่างสม่ำเสมอในระหว่างที่สระผม เพียงชโลมลงที่เส้นผม และทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นล้างออกให้สะอาด เพียงเท่านี้ผมที่เคยแห้งเสียก็สามารถดูดีขึ้นได้ด้วยการเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผม
3.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผม
วิธีดูแลผมขั้นพื้นฐานที่อยากแนะนำทุกคนไม่ว่าจะสภาพเส้นผมไหนให้ทำตามเลย ก็คือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผมไม่สำคัญ เพราะเป็นวิธีดูแลผมขั้นพื้นฐานที่ใกล้ตัวที่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยสังเกตว่าสภาพผมของตนเองนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร เพื่อจะได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผม และแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ตัวอย่างเช่น
- ผมธรรมดา : สำหรับผู้ที่มีผมธรรมดาสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย รวมถึงสามารถบำรุงเส้นผมได้ด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมายได้หลากหลายรูปแบบทั้งครีมนวดผม ลีฟออน ทรีตเมนต์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย
- ผมเส้นเล็ก : ผู้ที่มีผมเส้นเล็ก แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่มีความอ่อนโยนจะดีที่สุด เพราะด้วยสภาพเส้นผม หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอาจทำเส้นผมหลุดร่วงได้ง่ายกว่า รวมไปถึงไม่ถูกกับสภาพเส้นผมได้ นอกจากนั้นยังแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มวอลลุ่ม เพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผมจะดีที่สุด
- ผมหนา : แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เพื่อเพิ่มความเงางามให้กับเส้นผมดูสลวยมากยิ่งขึ้น
- ผมทำสี : แน่นอนว่าผู้ที่ทำสีก็มีความกังวลใจกับสภาพผมที่เสียหลังจากทำสีผมไม่พอ ยังกังวลใจเกี่ยวกับสีผมที่ทำมาว่าจะหลุดบ้างหรือไม่ ฉะนั้นผู้ที่ผมทำสีแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมที่ช่วยเสริมความแข็งแรง ปรับปรุงสภาพเส้นผม และมีความอ่อนโยน พร้อมทั้งช่วยล็อกสีผมไม่ให้เฟดเร็วค่ะ
- ผมแห้งเสีย ผมแตกปลาย : แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมที่ช่วยบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึก ช่วยเติมความชุ่มชื้นฟื้นฟูสภาพผมแห้งให้กลับมานุ่มสลวย
- ผมมัน : เลือกใช้แชมพูที่ช่วยควบคุมความมันบนหนังศีรษะ ไม่ทำให้เส้นผมและหนังศีรษะเกิดความมันเพิ่มขึ้น หรืออาจจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับสมดุลให้กับหนังศีรษะก็ได้ด้วยเช่นกัน
4.หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์
อีกหนึ่งวิธีดูแลผมที่ควรให้ความสำคัญคือควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์บางชนิดมีส่วนทำให้ผมแห้งมากขึ้นได้ โดยเฉพาะ Propanol และ Isopropyl alcohol ซึ่งจะทำให้ผมแห้ง แข็ง เปราะแตกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น จนนำไปสู่การหลุดร่วง อย่างไรก็ตามก็ไม่อยากให้ทุกคนกลัวเกินไปค่ะสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และหนังศีรษะที่มีแอลกอฮอล์ เพราะไม่ใช่แอลกอฮอล์ทุกตัวที่จะมีผลเสียอย่างเดียวเพราะบางชนิดก็ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมได้ เช่น Cetyl alcohol Stearyl alcohol และ Cetearyl alcohol
5.ไม่นอนหลับในขณะที่ผมเปียก
การนอนหลับในขณะที่ผมเปียกจะทำให้เกิดความชื้นสะสมบนหนังศีรษะ เมื่อความชื้นสะสมอยู่เป็นเวลานานก็จะยิ่งทำให้รากผมเกิดความอ่อนแอ ผมขาดความแข็งแรงจนนำไปสู่การหลุดร่วงได้ นอกจากนั้นการนอนหลับขณะที่ผมเปียกยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะ เกิดรังแค รวมไปถึงการเกิดหนังศีรษะอักเสบด้วย
6.ลดการใช้ความร้อน และสารเคมีกับเส้นผม
วิธีดูแลผมที่สำคัญอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยฟื้นฟูให้กลับมานุ่มสลวยได้ง่ายๆ คือลดการใช้ความร้อน และสารเคมีกับเส้นผม เพราะความร้อนจากการยืดผม หนีบผม ไดร์ผมนั้นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมแห้งเสียมากขึ้น นอกจากนั้นการใช้สารเคมีเป็นประจำยังทำให้เส้นผมเปราะบาง ขาดง่ายมากยิ่งขึ้น
7.นวดเส้นผม และหนังศีรษะด้วยน้ำมันจากธรรมชาติ
การนวดหนังศีรษะจะยิ่งช่วยให้เลือดไหลเวียนไปยังเส้นผมได้ดี ทำให้เส้นผมได้รับสารอาหาร แข็งแรงขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นการนวดหนังศีรษะไปพร้อมๆ กับการนวดเส้นผมด้วยน้ำมันชนิดต่างๆ ที่ดีต่อการบำรุงเส้นผม ถือเป็นวิธีดูแลผมที่ช่วยบำรุงให้เกิดความชุ่มชื้น ผมดูสุขภาพดี นุ่มสลวย ได้รับการฟื้นฟู แถมยังช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม โดยการนวดเส้นผมด้วยน้ำมันนั้นสามารถใช้น้ำมันจากธรรมชาติได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะพร้าว น้ำมันอัลมอนด์ อาร์แกนออยล์ เป็นต้น
8.การเล็มปลายผมก็ช่วยได้
วิธีดูแลผมที่เชื่อว่าหลายๆ คนต้องเคยทำกันมาบ้าง เมื่อสังเกตเห็นสภาพผมหรือปลายผมของตนนั้นแห้งเสีย มีผมแตกปลายนั่นคือการเล็มปลายผม ซึ่งการเล็มปลายผมนั้นเป็นการนำผมเสียส่วนปลายออก ซึ่งสามารถทำได้เป็นประจำทุกๆ 3-4 เดือน ถือเป็นวิธีดูแลผมที่ช่วยให้มีสภาพผมที่ดูดีขึ้นได้แบบเร่งด่วน
อ่านบทความเพิ่มเติม : เร่งผมยาว
9.ปกป้องเส้นผมจากคลอรีนเมื่อลงสระว่ายน้ำ
ไหนใครที่ชื่นชอบการว่ายน้ำบ้าง อย่างที่ทราบกันดีว่าในสระว่ายน้ำจะมีการผสมคลอรีนลงไปในน้ำเพื่อช่วยฆ่าเชื้อ ทำให้น้ำใสสะอาด แต่คลอรีนมีส่วนทำให้เส้นผมแห้ง ขาดความชุ่มชื้น เส้นผมมีความแข็งกระด้าง เกิดความอ่อนแอ จนขาดหลุดร่วงจากการที่เราแช่อยู่ในสระว่ายน้ำเป็นเวลานานได้ ฉะนั้นหากใครที่ชื่นชอบการว่ายน้ำโดยเฉพาะที่สระว่ายน้ำ แนะนำว่าให้ปกป้องเส้นผมจากคลอรีนโดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบเส้นผมที่ช่วยป้องกันคลอรีน และสวมหมวกสำหรับว่ายน้ำทุกครั้ง นอกจากนั้นเมื่อว่ายน้ำเสร็จแล้วให้อาบน้ำสระผมโดยทันที
10.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารบำรุงเส้นผม
วิธีดูแลผม บำรุงผมที่หลายคนอาจจะทำโดยไม่รู้ตัว นั่นคือการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งอาหารที่มีประโยชน์ส่วนใหญ่นั้นบางประเภทยังเป็นอาหารบำรุงผมอีกด้วย ไม่ว่าจะผักผลไม้ เนื้อสัตว์ ถั่ว น้ำเปล่า ซึ่งมักจะมีสารอาหาร วิตามินแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อเส้นผมที่สำคัญเช่น วิตามินบี วิตามินซี วิตามินเอ ธาตุเหล็ก ซิงค์ โอเมก้า-3 เป็นต้น โดยสารอาหารต่างๆ เหล่านี้จะช่วยบำรุงให้เส้นผมแข็งแรง ลดการขาดหลุดร่วง ช่วยให้เส้นผมสุขภาพดี ดูเงางามจากภายในสู่ภายนอก
11.ใส่ใจเรื่องการหวีผมเป็นพิเศษ
นอกจากวิธีดูแลผมอื่นๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีดูแลผมอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญเช่นเดียวกันนั่นก็คือการหวีผม โดยหากอยากมีผมที่สุขภาพดี ไม่อยากให้ผมเสีย ควรใส่ใจในการหวีผมโดยไม่หวีกระชากผมแรงเกินไป แนะนำให้เลือกใช้หวีซี่ห่างในการหวีผมจะดีที่สุด และที่สำคัญไม่ควรหวีผมในขณะที่ผมเปียกเพราะจะเป็นการออกแรงในการหวีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผมหลุดร่วงติดหวีตามมาได้
12.ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
วิธีดูแลผมวิธีสุดท้ายที่รวดเร็วทันใจ พร้อมทั้งยังได้รับคำแนะนำปัญหาเส้นผม และหนังศีรษะอย่างตรงจุดก็คือการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะในบางครั้งปัญหาเส้นผมบางปัญหาเมื่อลองบำรุงก็แล้ว ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็แล้ว ยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นเท่าไหร่ แนะนำว่าหากใครกำลังเผชิญปัญหาแก้แล้วยังไม่ดีขึ้นแบบนี้ ลองเข้าไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางจะดีที่สุดค่ะ
โดยที่ Dr.Tarinee Hair Clinic มีบริการให้คำปรึกษาโดยตรงกับแพทย์หญิงธาริณี ก่อวิริยกมล หรือหมอแก้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเส้นผมและศัลยกรรมการปลูกผมจากศิริราช ที่เชี่ยวชาญในการดูแลปัญหาเส้นผมมากมาย จึงทำให้คนไข้มั่นใจได้ว่าจะรับคำปรึกษาที่ตรงกับปัญหา พร้อมได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ปัญหาเส้นผมแบบไหน ควรปรึกษาแพทย์
สงสัยกันใช่ไหมคะว่าแล้วปัญหาเส้นผมแบบไหนถึงควรปรึกษาแพทย์ วันนี้ Dr.Tarinee Hair Clinic จึงได้รวบรวมปัญหาเส้นผมที่สามารถพบเจอได้มีหลากหลายแบบ มีทั้งเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน หรือเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น
- ผมเปราะบาง ขาดง่าย : เกิดจากการที่เส้นผมสูญเสียโปรตีน ตามวัยที่มากขึ้น นอกจากผมเปราะบาง ขาดง่ายแล้ว ยังทำให้ผมหงอกด้วย
- ผมแห้งเสียชี้ฟู : เกิดจากการที่เส้นผมโดนความร้อนบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากธรรมชาติ หรือการใช้ความร้อนกับเส้นผม เช่น ไดร์เป่าผม หนีบผม เป็นต้น
- ผมบางลง : เกิดจากปัญหาการขาดหลุดร่วงของเส้นผม แล้วไม่มีผมเส้นใหม่ขึ้นมาทดแทน โดยปกติแล้วจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีอายุที่มากขึ้น
- ผมยาวช้า : เกิดจากเส้นผมไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ทั้งจากการทานอาหาร และจากการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดีในบริเวณหนังศีรษะ
- ผมไม่มีวอลลุ่ม : เป็นปัญหาต่อเนื่องจากอาการผมร่วง ผมบางลง เนื่องจากเส้นผมหลุดร่วงไปจำนวนมาก ทำให้ผมลีบแบน หรืออาจเกิดจากการใช้สารเคมีกับเส้นผม ก็ทำให้ผมไม่มีน้ำหนักได้เช่นกัน
เมื่อพบเจอกับปัญหาเส้นผมเหล่านี้แล้ว ควรรีบกลับมาดูแลเส้นผมโดยด่วน ก่อนที่จะสายเกินไป โดยสามารถทำตามคำแนะนำวิธีดูแลผมก่อนหน้านี้ได้เลย แต่ถ้าหากดูแลเส้นผมแล้วปัญหายังไม่หมดไป หรือมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก ก็ควรไปพบแพทย์ โดยจะมีวิธีรักษาผมเสียดังนี้
ปลูกผม
ถ้าหากมีปัญหาผมร่วงผมบางจนศีรษะล้าน การปลูกผมเป็นหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยรักษา ทำให้มีเส้นผมกลับมาขึ้นอีกครั้ง โดยจะมี 2 วิธีหลักๆ คือ การปลูกผมแบบ FUT คือการผ่าตัดหนังศีรษะพร้อมกับเซลล์รากผมที่ท้ายทอย นำไปปลูกในบริเวณด้านบนศีรษะหรือบนหน้าผาก ส่วนการปลูกผมแบบ FUE คือการเจาะนำเซลล์รากผมที่ท้ายทอย ไปปลูกยังบริเวณและทิศทางที่ต้องการ ซึ่งการปลูกผมแต่ละแบบก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม
ฉีด PRP ผม
ปัญหาเส้นผมเปราะบาง ขาดง่าย ผมร่วง ผมบาง การฉีด PRP (Platelet Rich Plasma) หรือเกล็ดเลือดเข้มข้น สามารถช่วยดปัญหาเหล่านี้ได้ โดยแพทย์จะนำเลือดของคนไข้มาปั่นเพื่อคัดแยกเกล็ดเลือดเข้มข้น หรือพลาสม่า แล้วฉีดกลับเข้าไปยังหนังศีรษะที่มีปัญหาเส้นผม เกล็ดเลือดจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม ทำให้รากผมและเส้นผมแข็งแรง ผมที่ร่วงไปก็กลับมาขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยวิธีการนี้ไม่เกิดผมข้างเคียง เนื่องจากเป็นเลือดจากคนไข้เอง ร่างกายจึงไม่ปฏิเสธ
ฉีดสเต็มเซลล์ผม
การฉีดสเต็มเซลล์ผม (Rigenera Activa) เป็นการนำเซลล์ต้นกำเนิด โดยแพทย์จะสกัดในเซลล์ต้นกำเนิดของรากผม ด้วยการนำรากผมที่ท้ายทอยของคนไข้ออกมา ปั่นผ่านเครื่องมือพิเศษเพื่อให้ได้เซลล์ต้นกำเนิดที่บริสุทธิ์ มาฉีดกลับไปบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นให้รากผมแข็งแรงขึ้น และลดการทำงานของฮอร์โมน DHT ที่ทำให้เกิดปัญหาผมร่วง เนื่องจากเซลล์รากผมบริเวณท้ายทอยสามารถต้านทานฮอร์โมน DHT ได้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ปลอดภัยและไม่มีผลข้างเคียง
LLLT
เลเซอร์ LLLT (Low-Level Laser Therapy) คือการใช้คลื่นแสงสีแดงพลังงานความถี่ต่ำช่วง 650-680 นาโนเมตร ฉายลงไปบนหนังศีรษะ เพื่อกระตุ้นการทำงานของเซลล์รากผม กระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือดบนหนังศีรษะ ทำให้รากผมได้รับสารอาหารที่เพียงพอ สามารถสร้างเส้นผมขึ้นมาให้ได้อย่างแข็งแรง แก้ปัญหาผมบาง ผมขาดหลุดร่วงได้ดี เส้นผมที่เปราะบางก็กลับมาแข็งแรง และยังทำให้ผมงอกเร็วขึ้นด้วย
สรุปวิธีดูแลผม
วิธีดูแลผมถือเป็นเรื่องพื้นฐานของการมีผมสุขภาพดี ซึ่งวิธีดูแลผมมีหลากหลายไม่ว่าจะการสระผมให้ถูกวิธี ใส่ใจการหวีผม เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับเส้นผม และอื่นอีกมากมาย ซึ่งในบางครั้งหลายคนก็เผลอทำร้ายเส้นผมโดยไม่รู้ตัว จนผมแห้งเสีย ผมแตกปลาย ชี้ฟูจัดทรงยาก
อย่างไรก็ตามหากลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เลือกใช้วิธีดูแลผมต่างๆ เพื่อฟื้นฟูสภาพเส้นผมแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น ผมยังคงมีปัญหาอยู่ หรืออาจลามไปสู่ปัญหาที่บานปลายมากขึ้นอย่างผมบาง ผมร่วงมากขึ้นจนทำให้เกิดความไม่สบายใจได้ หากกำลังเผชิญปัญหาดังกล่าวอยู่และต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม สามารถส่งรูปอาการเส้นผม หนังศีรษะที่เป็นอยู่มาสอบถามก่อนเข้ารับการรักษาก่อนได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้
Website : Dr.Tarinee Hair Clinic
Line : @drtarinee
Facebook : Dr.Tarinee Hair Clinic ปลูกผม รักษา ผมร่วง ผมบาง
Ref
Shirin Mehrotra. (January 8, 2021). Hair Oiling Benefits, Choosing Oil, and How to Do It. https://www.healthline.com/health/hair-oiling-benefits-oil-and-how-to#choosing-oil
Simone Marie. (May 24, 2021). How to Wash Your Hair, Because It Turns Out There’s (Kinda, Sorta) a Right Way to Do It. https://www.healthline.com/health/beauty-skin-care/how-to-wash-your-hair#products-by-hair-type