ฉีด PRP ผม

ฉีด PRP

การรักษาผมบาง ผมร่วงมีหลากหลายวิธี ขึ้นกับความรุนแรงและข้อจำกัดของแต่งละคน ปัจจุบันการรักษาการโดยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น หรือ ฉีด PRP ที่ย่อมาจาก Platelet Rich Plasma เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาผมบาง ผมร่วง หรือช่วยเสริมการงอกหลังปลูกผมได้ด้วย โดยการฉีด PRP เป็นการรักษาที่เจ็บน้อยกว่าการปลูกผม ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากๆ เพราะเป็นการรักษาด้วยเลือดของเราเอง

ฉีด PRP คืออะไร 

การฉีด PRP หรือ Platelet Rich Plasma หรือ เกล็ดเลือดเข้มข้น คือการนำเลือดของเราเองออกมาปริมาณเล็กน้อยเพียง 10 มิลลิลิตร แล้วนำมาปั่นด้วยเครื่องปั่น เพื่อแยกส่วนของเกล็ดเลือดออกมา เกล็ดเลือดเข้มข้นนี้จะอุดมไปด้วยสารอาหารที่เรียกว่า Growth factor ที่ช่วยในการชะลอการหลุดร่วง กระตุ้นการงอกใหม่ของผม และทำให้ผมแข็งแรงขึ้น โดยขั้นตอนการทำ PRP ผม คือ การเจาะเลือดจากคนไข้ แล้วนำไปปั่น 5 นาที จะได้ตัวส่วนประกอบเกล็ดเลือดเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพดี ฉีด PRP กลับเข้าบริเวณที่ผมบาง

โดยการทำ PRP ผมของเรา เราเลือกของบริษัท Regen Lab ที่เป็นบริษัทจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีนโยบายมุ่งมั่นพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพสูง มี separate gel ที่ได้รับสิทธิบัตร ในการแยกส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดงได้มากกว่า 99.7% ใช้ปริมาณเลือดน้อยเพียงแค่ 10 ml ได้ PRP 5-6 ml. และ PRP ที่ได้มีเกล็ดเลือดเข้มข้นขึ้นมากกว่า 3 เท่าเลยทีเดียว ปลอดภัยสูงเพราะขั้นตอนน้อย ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อน้อยมาก

Regen Lab ได้รับการรับรองจาก MDSAP (Medical Device Single Audit Program) ถึงคุณภาพและประสิทธิภาพของอุปกรณ์การแพทย์ รวมถึงผ่านอย. ว่าเป็นอุปกรณ์เก็บเลือดและเครื่องปั้นแยกองค์ประกอบของเลือดเพื่อใช้ในการวินิจฉัยทางคลินิก มั่นใจได้ว่าหากฉีด PRP กับเราปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ฉีด PRP คืออะไร
ฉีด PRP คืออะไร

เกล็ดเลือดเข้มข้นช่วยอะไรบ้าง

เกล็ดเลือดเข้มข้นนี้ ได้จากการปั่นเลือดของเราเองให้มีการตกตะกอนแยกชั้นระหว่างเกล็ดเลือดเข้มข้นและเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดขาวออกจากกัน หลังจากนั้นเราจะนำเฉพาะส่วนเกล็ดเลือดเข้มข้น มาฉีดกลับเข้าบริเวณที่เราต้องการทำการรักษา ตัวเกล็ดเลือดจะมีส่วนประกอบที่เรียกว่า growth factor ช่วยในการสมานของแผล ช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ช่วยซ่อมแซมหรือฟื้นฟูเซลล์ที่อ่อนล้าให้กลับมากทำงาน รวมถึงช่วยให้มีการหลั่งของสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นเลือด และการกระตุ้นเซลล์รากผมให้กลับมากแข็งแรงอีกครั้ง 

ซึ่งการรักษาด้วยการฉีด PRP มีการใช้มานานแล้วในวงการแพทย์ในกลุ่มของวิทยาศาตร์การกีฬา หรือ ทางแพทย์ออร์โธปิดิกส์ รักษาการบาดเจ็บของนักกีฬา หรือรักษาข้อเข่าเสื่อม รวมถึงช่วยฟื้นฟูแผลเรื้อรัง ช่วยชะลอวัยทางผิวหนัง และช่วยรักษาผมบาง ผมร่วง

สารที่อยู่ในเกล็ดเลือดเข้มข้น

ส่วนของเกล็ดเลือดเข้มข้นที่ประกอบไปด้วยสาร Growth factor มากมาย เช่น FGF, PDGF, TGF-B, EGF, VEGF, IGF เป็นตัวช่วยให้ Stem cell ของเราทำงานได้ดีขึ้น ทั้งการเคลื่อนไหว การแบ่งตัว รวมไปถึงช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างใหม่ของเส้นเลือดที่มาเลี้ยงเซลล์เส้นผม การฉีด PRP จึงก่อให้เกิดการสร้างใหม่ของเนื้อเยื่อต่างๆ ช่วยทำให้มีผมงอกใหม่ ชะลอการหลุดร่วง และเส้นผมและรากผมแข็งแรงขึ้น

ใครที่เหมาะกับการฉีด PRP

คนที่เหมาะกับการฉีด PRP คือ คนที่มีภาวะผมบางจากกรรมพันธุ์ ที่ต้องการเสริมการรักษาให้เร็วขึ้น หรือไม่สามารถใช้การรักษาหลักได้ หรือใช้ยารักษาผมร่วงแล้วยังไม่ได้ผลลัพธุ์ตามที่ต้องการ หรือมีผมบางผมร่วงที่ไม่ต้องการปลูกผม ไม่มีเวลาพักฟื้น นอกจากนั้น การฉีด PRP ยังช่วยรักษา ผมบาง ผมร่วง หลังภาวะเจ็บป่วยไม่สบาย ให้ฟื้นฟูเร็วขึ้นได้ด้วย

อ่านสาระน่ารู้เกี่ยวกับร่วงได้ที่นี่ : ผมร่วง

ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีด PRP

การฉีด PRP ช่วยให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น เป็นการบำรุงเส้นผมที่เรามีอยู่แล้ว ให้งอกมาเส้นขนาดอ้วนขึ้น และแข็งแรงขึ้น แต่การฉีด PRP ไม่ได้ทำให้มีการงอกใหม่ของผม ดังนั้น จึงไม่เหมาะกับคนที่มีผมบางมากๆ หรือ ไม่มีรูขุมขนหรือไม่มีผมบริเวณนั้นแล้ว ถ้าคนไข้มีปัญหาผมบางแบบที่ไม่มีรากผมบริเวณนั้นแล้ว แพทย์จะแนะนำทำการรักษาเป็นการปลูกผมจะเหมาะสมและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า รวมถึงคนที่มีภาวะเหล่านี้ เช่น

  1. เป็นโรคมะเร็งและอยู่ในระหว่างการรักษาให้ยาเคมีบำบัด
  2. มีประวัติเป็นโรคหรือกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติของเกล็ดเลือด 
  3. มีภาวะเกล็ดเลือดต่ำรุนแรง < 100,000 เกล็ดต่อไมโครลิตร 
  4. เลือดจาง มีค่าฮีโมโกลบิน < 10 กรัมต่อเดซิลิตร
  5. ผู้ป่วยที่ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด หรือบริเวณที่จะทำการรักษา
  6. ตั้งครรภ์ หรือ ให้นมบุตร
  7. มีโรคของหนังศีรษะที่กำลังมีอาการกำเริบของโรค
  8. ผู้ป่วยได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด ยาNSIAD สามารถหยุดก่อน 48 ชั่วโมงได้ หรือปรึกษาแพทย์ผู้รักษาอีกครั้ง
  9. มีการฉีด Corticosteroid บริเวณที่ทำการรักษาภายใน 1 เดือน หรือมีการใช้ Corticosteroid แบบกินหรือแบบฉีดเข้าร่างกายภายใน 2 สัปดาห์
  10. ไม่แนะนำให้ฉีด PRP ร่วมกับ Botox หรือ Filler หากต้องการทำการรักษาร่วมกันให้เว้นระยะห่างจาก Botox 1 สัปดาห์ และ Filler 2-3 สัปดาห์ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
  11. ผู้ที่เคยเกิดอาการแพ้หลังการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น(Platelet rich plasma)ที่ศีรษะ 

จุดเด่นของการรักษาด้วยการฉีด PRP

  1. เจ็บน้อยมาก
  2. ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
  3. ปลอดภัยมากเนื่องจากเป็นการใช้เลือดของตัวเอง ไม่มีสารเคมีอื่นๆลงไปในการรักษา โอกาสที่จะแพ้หรือเกิดปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์น้อยมาก
  4. มีประสิทธิภาพดีในการชะลอการหลุดร่วง และกระตุ้นให้ผมแข็งแรงขึ้น
  5. ไม่มีแผล สามารถสระผมได้ในวันรุ่งขึ้น
  6. การฉีด PRP สามารถทำร่วมกับการรักษาอื่นๆได้ หรือ ทำเสริมการรักษาอื่นได้

ขั้นตอนรักษาผมบางด้วยการฉีด PRP

ขั้นตอนการรักษาด้วยการฉีด PRP
ขั้นตอนการรักษาด้วยการฉีด PRP
  1. คนไข้ทุกคนจะได้รับคำปรึกษาและพูดคุยเรื่องรายละเอียดก่อนทำ PRP ทุกราย
  2. หลังจากนั้น จะทำการเจาะเลือดจากผู้ป่วย ปริมาณ 10 ml นำเข้าเครื่องแยกเกล็ดเลือด Regen Lab เป็นเวลา 5 นาที
  3. ในระหว่างรอการปั่น PRP แพทย์จะทำการฉีดยาชาในบริเวณที่จะทำการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet rich plasma)โดยอาจใช้เครื่องลดการเจ็บปวดเช่น น้ำแข็ง หรือ เครื่องสั่นลดปวด ร่วมด้วย โดยฉีดบริเวณที่เราวางแผนจะฉีด PRP ผม
  4. เมื่อปั่นเรียบร้อย และกับคนไข้มีอาการชาแล้ว แพทย์จะทำการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet rich plasma) ปริมาณ 1 มิลลิลิตรต่อตารางเซนติเมตร โดยใช้เข็มขนาดเบอร์ 32 ฉีดความลึก 1.5-4 มิลลิเมตร โดยอาจใช้เครื่องลดการเจ็บปวดเช่น น้ำแข็ง หรือ เครื่องสั่นลดปวด ร่วมด้วย
  5. เมื่อฉีดเสร็จเรียบร้อย คนไข้จะได้รับการฉายเลเซอร์ความเข้มขึ้นต่ำอีกประมาณ 20 นาที เพื่อกระตุ้นการสร้างผม และบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังฉีด PRP

การเตรียมตัวก่อน ฉีด PRP 

การเตรียมตัวก่อนฉีด PRP
การเตรียมตัวก่อนฉีด PRP
  1. หนึ่งวันก่อนทำหัตถการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet rich plasma) ควรนอนพักผ่อน 8 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม และได้เกล็ดเลือดที่คุณภาพดี
  2. ดื่มน้ำมากๆ ก่อนวันและในวันทำหัตถการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น(Platelet rich plasma)ให้ค่อยๆ ทยอยดื่มจนครบ 1.5 – 2 ลิตร
  3. ก่อนการทำหัตถการฉีด PRP (Platelet rich plasma) ที่ศีรษะ ควรสระผมมาก่อนทำ
  4. แนะนำควรงดการสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ก่อนทำหัตถการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (Platelet rich plasma)
  5. ควรงดยา NSAIDs หรือ ยาละลายลิ่มเลือด ยา Aspirin ก่อนและหลังการหัตถการฉีด PRP (Platelet rich plasma)เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดการฟกช้ำ หรือ การรักษาไม่ได้ประสิทธิภาพเพียงพอ อย่างไร คนไข้สามารถสอบถามแพทย์ เรื่องยาต่างๆก่อนการรักษาได้
  6. หลีกเลี่ยงอาหารเสริม เช่น วิตามิน น้ำมันปลา วิตามินบี วิตามินอี สมุนไพร ใบแปะก๊วย เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดการฟกช้ำ หรือหยุดการใช้วิตามินเหล่านี้ก่อนทำการรักษา 1 สัปดาห์
  7. วันที่มาทำหัตถการไม่ต้องงดน้ำงดอาหาร ทานข้าวมาได้ตามปกติ

การดูแลเส้นผมหลัง ฉีดPRP

  1. งดสระผม ใส่เจล สเปรย์ น้ำมันจัดแต่งทรงผม 4 – 6 ชั่วโมงแรกหลังทำ แนะนำให้สระผมได้ในวันรุ่งขึ้น
  2. งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ 1 วันหลังทำหัตถการ เนื่องจากมีผลต่อการทำงานของสารต่างๆ ใน เกล็ดเลือดเข้มข้น(Platelet rich plasma)
  3. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาประเภทแอสไพริน (Aspirin) และ NSAID เช่น ไอบูโพรเฟ่น(Ibuprofen) ประมาณ 2 – 3 วัน
  4. ในช่วงสัปดาห์แรกแนะนำให้ใช้ยาสระผมสูตรอ่อนโยนหรือยาสระผมที่แพทย์แนะนำ สระผมเบาๆ ห้ามถูหรือขยี้รุนแรงบริเวณทำการรักษา
  5. หลังการหัตถการฉีดPRPที่ศีรษะ อาจเกิดอาการบวมช้ำบริเวณศีรษะและใบหน้าได้ หากต้องการให้ยุบเร็ว สามารถประคบเย็นได้ หรือนอนให้ศีรษะอยู่สูงกว่าปลายเท้า หรือหากปล่อยไว้ก็สามารถหายได้เองเช่นกัน โดยอาการบวมจะหายใน 2 – 3 วัน ส่วนการฟกช้ำจะหายไปใน 1-2 สัปดาห์
  6. หลีกเลี่ยงการออกแดด หรือ อาบแดดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง

ผลลัพธ์ที่ได้จากการรักษาด้วยการ ฉีด PRP

ผลลัพธ์หลังฉีด PRP คนไข้ส่วนใหญ่จะพบว่า ผมร่วงน้อยลงใน 1 เดือนแรก และจะเริ่มเห็นไรผมขึ้นมาใหม่หรือผมหนาขึ้น ช่วงเดือนที่ 3 การฉีดPRP ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล บางคนก็เห็นผลชัดเจนที่เดือนที่2 และ การฉีดPRP เป็นหัตถการที่ปลอดภัยเพราะเป็นเลือดของเราเอง แพทย์จะแนะนำให้ทำทุก 1เดือน จนครบ 3 ครั้ง หลังจากทำครั้งที่ 3 ที่เป็นช่วงการกระตุ้นผมไปแล้วไปแล้ว จะเป็นการบำรุงรักษาต่อเนื่อง แนะนำให้ทำต่อ ทุก 3-6 เดือน หลังฉีดอาจจะมีอาการบวมเล็กน้อยหรือไม่บวมเลย คนไข้สามารถไปทำงานต่อ หรือใช้ชีวิตต่อได้ตามปกติ

ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด PRP ผม
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด PRP ผม

ฉีด PRP ที่ไหนดี 

การฉีด PRP เป็นหัตถการที่มีการเจาะเลือด และฉีดกลับ ดังนั้นคำถามที่ว่าฉีด PRP ที่ไหนดี ควรเลือกสถานที่ที่สะอาดมีมาตรฐาน ไว้ใจได้ อุปกรณ์ควรได้คุณภาพ แพทย์และทีมงานมีประสบการณ์เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของการฉีดมากที่สุด รวมถึงปลอดภัย ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic ให้ความสำคัญในการเลือกอุปกรณ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอย่างมาก เพราะหมอเองเป็นคนเลือกการรักษาที่มีประสิทธิภาพให้กับผู้ป่วยของเรา เหมือนที่เราเลือกให้กับตัวเอง หรือคนในครอบครัวของเรา ที่สำคัญปลอดภัยกับคนไข้ของเรา ซึ่งตัว PRP ของ Regen Lab จะมีราคาต้นทุนสูงกว่า PRP ปกติ แต่ประสิทธิภาพดีกว่า มีอย. ได้รับการจดสิทธิบัตรของเจลที่แยกชั้นของเกล็ดเลือด และเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว ขั้นต้องการทำเป็นระบบปิด ไม่ต้องดูดเปลี่ยนถ่ายเลือดหลายขั้นตอน ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้ ทำให้หมอมั่นใจที่จะเลือกตัวนี้มาทำการรักษาคนไข้ของหมอเอง รวมถึงหมอเองก็ใช้สำหรับตัวเองด้วย 

อ่านสาระน่ารู้เกี่ยวกับการเลือกคลินิกปลูกผมได้ที่ : ปลูกผมที่ไหนดี

ฉีด PRP ราคาเท่าไหร่ แพงไหม

PRP ผมราคาเท่าไหร่? ที่ Dr.Tarinee Hair Clinic ราคา Premium PRP เริ่มต้นที่ 15,900 บาทต่อครั้ง เนื่องจากเราใช้ หลอดเก็บเลือดและเครื่องปั่นของ Regen Lab ที่ได้รับอย.และได้รับการยอมรับจากหลายประเทศทั่วโลกว่า ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพดีในการใช้รักษาคนไข้ แม้ว่าต้นทุนราคาสูงกว่า แต่ผลที่ได้แตกต่างอย่างมากจากเสียงตอบรับจากคนไข้เองที่ฉีดมาหลายที่ แล้วมาทำการรักษาต่อที่เรา เราจึงมั่นใจว่า PremiumPRP ของเราปลอดภัยและประสิทธิภาพดี

อ่านสาระน่ารู้เกี่ยวกับราคาปลูกผมแบบอื่น ๆ ได้ที่ : ปลูกผมราคา

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีด PRP

ต้องฉีด PRP กี่ครั้ง ถึงจะเห็นผล

 หลังจากฉีด PRP ไปจะพบว่า ผมร่วงน้อยลงใน 1 เดือนแรก และเริ่มเห็นไรผมขึ้นมาใหม่หรือผมหนาขึ้น ช่วงเดือนที่ 3 การฉีดPRP ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล บางคนก็เห็นผลชัดเจนตั้งแต่เดือนที่2 หลังฉีด

แพทย์จะแนะนำให้ทำทุก 1เดือน จนครบ 3 ครั้ง หลังจากทำครั้งที่ 3 ที่เป็นช่วงการกระตุ้นผมไปแล้วไปแล้ว จะเป็นการบำรุงรักษาต่อเนื่อง แนะนำให้ทำต่อ ทุก 3-6 เดือน

การฉีด PRP จะเห็นผลเมื่อไหร่

หลังจากฉีด PRP ไป จะเริ่มเห็นผมหนาขึ้นชัดเจนที่เดือนที่ 3 ถึงเดือนที่ 6 

ฉีด PRP เจ็บไหม

เจ็บเล็กน้อยมาก เป็นการเจ็บช่วงฉีดยาชาเข็มแรกๆเท่านั้น ซึ่งหมอจะใช้การประคบเย็น และเครื่องสั่นช่วยลดอาการเจ็บปวดร่วมด้วย ในขั้นตอนการฉีด PRP จะไม่รู้สึกเจ็บแล้ว

ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด PRP ผมจะอยู่ถาวรไหม

ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีด PRP ผมจะอยู่ได้ประมาณ 3- 6 เดือน แพทย์จะแนะนำว่าควรทำการฉีดเพื่อบำรุงรักษาทุก 3-6 เดือนหลังจาก 3 เดือนแรก แต่ในรายที่มีการรักษาหลักอยู่ร่วมด้วยอยู่แล้ว อาจจะชะลอการฉีดไปได้ทุก 4-6เดือน แพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นบุคคลไปอีกครั้ง

เป็นมะเร็งฉีด PRP ได้ไหม

คนที่เป็นมะเร็งที่กำลังทำการรักษาอยู่ แพทย์จะไม่แนะนำให้ทำการรักษาฉีด PRP เนื่องจากเลือดจะยังมียาต่างๆในกระแสเลือดที่เรามาทำการรักษา และสภาพร่างกายอาจจะไม่เหมาะสมกับการรักษานี้ หรือรักษาไปอาจจะได้ผลไม่เต็มที่ อย่างไรก็ดีสามารถปรึกษาแพทย์ได้ว่าสามารถทำได้รึยัง

สรุป

การฉีด PRP เป็นการรักษาผมบาง ผมร่วง แบบที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และเจ็บน้อยมากๆ สามารถทำการรักษานี้ร่วมกับการรักษาอื่นๆได้ และเป็นหัตถการที่ปลอดภัยเพราะเป็นการนำเลือดตัวเองมาปั่นและฉีดกลับเพื่อรักษาเซลล์ตัวเอง สามารถนำมารักษาผมบางในรายที่ไม่ต้องปลูกผม หรือใช้กระตุ้นผมที่ปลูกไปแล้วให้ขึ้นสมบูรณ์มากขึ้นได้ หากสนใจสามารถปรึกษาขอรายละเอียดที่ Dr.Tarinee Hair Clinic ได้ คุณหมอดูแลเองทุกราย 

ขอบคุณข้อมูลจาก

Platelet-Rich Plasma (PRP) Injections. (2022, October 14). Johns Hopkins Medicine. https://www.hopkinsmedicine.org/health/treatment-tests-and-therapies/plateletrich-plasma-prp-treatment

Nathan, N., MD. (2020, May 11). Platelet-rich plasma: Does the cure for hair loss lie within our blood? Harvard Health. https://www.health.harvard.edu/blog/platelet-rich-plasma-does-the-cure-for-hair-loss-lie-within-our-blood-2020051119748

Frothingham, S. (2019, January 4). PRP for Hair Loss. Healthline. https://www.healthline.com/health/prp-for-hair-loss