“ยืดผมเคราติน” เป็นวิธียืดผมทางเลือกสำหรับผู้ที่มีผมแห้งเสีย เพราะใคร ๆ ก็คงจะอยากตื่นมาพร้อมผมสลวย เข้าทรง พร้อมออกไปใช้ชีวิตในแต่ละวันได้โดยไม่ต้องเสียเวลามาไดร์ หนีบ หรือใช้สารพัดความร้อนกับเส้นผมใช่ไหมคะ แต่สำหรับคนที่มีผมหยิก ผมหยักศก รวมถึงคนที่มีผมแห้งเสีย คงจะเป็นเรื่องยาก เพราะเส้นผมมักจะชี้ฟู จัดทรงยาก จนต้องใช้ความร้อนเข้ามาแก้ปัญหา แต่ยิ่งไดร์ผมหนีบผมบ่อยเข้า ผมก็ยิ่งเสีย
การยืดผมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลาย ๆ คนใช้แก้ปัญหานี้ ซึ่งในปัจจุบัน การยืดผมก็มีหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นยืดผมถาวร หรือยืดผมเคราตินด้วยเคราตินสด โดยวิธีนี้เป็นวิธีการยืดผมอีกแบบหนึ่งที่ดีกับผมที่แห้งเสียเรื้อรัง แต่วิธีการยืดผมเคราตินมีวิธีการทำงานอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง เราไปดูกันค่ะ
สรุป ยืดผมเคราติน แก้ไขปัญหาผมแห้งเสียและอ่อนแอได้อย่างชัดเจน
- การยืดผมเคราตินเป็นการใช้เคราตินสดหรือสำเร็จรูปมาเติมความแข็งแรงให้กับเส้นผมแทนเคราตินธรรมชาติที่เสียไป ช่วยให้ผมมีน้ำหนักมากขึ้น
- เคราตินไม่เหมือนการยืดผม เพราะไม่ได้ช่วยทำให้ผมตรง เพียงแต่ลดการชี้ฟูของเส้นผม
- หลังจากยืดผมเคราตินแล้ว ควรงดให้ผมโดนน้ำหรือเปียกประมาณ 3-4 วัน, เลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต, เปลี่ยนมาใช้ปลอกหมอนที่ทำจากไหม และยืดผมเคราตินซ้ำทุก 3-6 เดือน
- นอกจากการยืดผมเคราตินแล้ว เรายังสามารถดูแลเส้นผมให้ดียิ่งขึ้นได้หลายวิธี เช่น บำรุงผมเป็นประจำ, เลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม, ลดการใช้สารเคมี และปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
เคราตินสด ตัวช่วยสำคัญในการยืดผมเคราติน
หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินว่า เคราติน เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผมดูเรียบลื่นไม่ชี้ฟูใช่ไหมคะ ในผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมต่าง ๆ ก็มักจะมีการพูดถึงเคราติน ซึ่งแท้จริงแล้วเคราตินเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ในเส้นผม เล็บ และผิวหนังของเรา ช่วยบำรุงให้ผมแข็งแรงและมีสุขภาพดี รวมถึงเป็นส่วนประกอบ 90% ของเส้นผมเลยทีเดียว
แต่เคราตินสามารถถูกทำลายได้ด้วยสารเคมีและความร้อน ทำให้เส้นผมที่ผ่านการทำเคมี หรือผ่านความร้อนอยู่บ่อย ๆ จึงดูไม่มีน้ำหนัก และชี้ฟู เมื่อร่างกายไม่สามารถสร้างเคราตินได้ทัน จึงต้องมีตัวช่วยในการฟื้นฟูเส้นผม ซึ่งก็คือเคราตินสด หรือเคราตินสำเร็จรูปนั่นเอง
ยืดผมเคราติน คืออะไร
ยืดเคราติน คือวิธีการทำให้ผมตรงขึ้น มีน้ำหนักมากขึ้น โดยไม่ต้องใช้สารเคมีที่อันตรายกับเส้นผม แท้จริงแล้วการยืดผมเคราติน หรือการทำเคราตินผมตรง ไม่ใช่การยืดผมอย่างการยืดผมถาวรที่จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของเส้นผมนะคะ แต่การยืดเคราตินคือการใช้เคราตินสดหรือเคราตินสำเร็จรูป มาเติมความแข็งแรงให้กับเส้นผม เติมเต็มเคราตินที่เสียไป ทำให้ผมตรงสวย เงางาม และดูมีน้ำหนัก
เนื่องจากผลของการใช้เคราติน ทำให้ผมตรงสวยคล้ายกับการยืดผม คนจึงเรียกการทำเคราตินทรีตเมนต์นี้ว่า “ยืดผมเคราติน” ซึ่งเราสามารถใช้วิธีการยืดเคราติน แทนการยืดผมถาวรได้ โดยให้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน แถมยังทำให้ผมไม่เสียด้วยค่ะ
ยืดผมเคราติน ช่วยให้ผมตรงสวยได้อย่างไร
เคราตินเป็นส่วนประกอบสำคัญของชั้นเนื้อผม เส้นผมที่ผ่านความร้อน หรือผ่านการทำเคมีเป็นประจำจะค่อย ๆ สูญเสียเคราติน ทำให้ดูแห้งและชี้ฟู การยืดผมเคราตินจึงเป็นการเติมเคราตินเข้าไปในเส้นผมที่ถูกทำร้าย โดยเคราตินที่เติมเข้าไป จะไปเคลือบอยู่ที่ชั้นนอกสุดของเส้นผม (Cuticle) ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของเส้นผม ทำให้ผมเงางาม มีน้ำหนักมากขึ้น
สำหรับผู้ที่มีผมชี้ฟูเนื่องจากการทำเคมี หรือความร้อน การยืดผมเคราตินจะช่วยให้ผมกลับมาตรงสวย สำหรับผู้ที่มีผมหยิก ผมหยักศก การยืดผมเคราตินอาจไม่ได้ทำให้ผมตรงได้เท่ากับการยืดผมถาวร แต่จะช่วยให้ผมมีน้ำหนัก เรียบลื่น และจัดทรงได้ง่ายขึ้นค่ะ
ผมหยิก ผมแห้งเสีย ผมชี้ฟู “ยืดเคราติน” ช่วยได้ไหม
หลายคนมีคำถามก่อนตัดสินใจทำว่า ยืดเคราตินดีไหม? คุณหมออยากให้พิจารณาก่อนว่าคุณมีสภาพเส้นผมอย่างไร ต้องการผลลัพธ์แบบไหน เพราะการยืดเคราตินกับยืดถาวรจะให้ผลที่ต่างกัน เหมาะกับสภาพผมที่ต่างกัน
การยืดผมเคราตินสามารถช่วยได้ทั้งผู้ที่มีผมชี้ฟู ผมแห้งเสีย และผู้ที่มีผมหยิกอยู่แล้ว โดยอาจจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อยตามสภาพผมเดิม ผู้ที่มีผมชี้ฟู ผมแห้งเสียจากการสูญเสียเคราตินเนื่องจากเคมีและความร้อน การยืดผมเคราตินจะช่วยให้ผมกลับมาตรงสวยได้ เนื่องจากจะเป็นการเติมเคราตินทดแทนที่สูญเสียไป
ส่วนสำหรับผู้ที่มีผมหยิก ผมหยักศกแต่กำเนิด การยืดเคราตินจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของเส้นผมให้กลายเป็นผมตรงได้ แต่ก็จะช่วยใช้ผมไม่ชี้ฟู จัดทรงได้ง่ายมากขึ้น เนื่องจากเมื่อเติมเคราตินเข้าไปในเส้นผม เส้นผมจะมีน้ำหนัก เรียบลื่น ดูนุ่มสลวยสุขภาพดี
ยืดผมเคราตินอยู่ได้กี่เดือน ผมจะกลับมาฟูเหมือนเดิมไหม
การยืดเคราติน อยู่ได้นานไหมขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลผมของคุณเองด้วยค่ะ โดยปกติแล้วผลจะอยู่คงทนที่ประมาณ 3-6 เดือน หรือน้อยกว่านั้นหากมีการใช้เคมีกับเส้นผม หรือสระผมบ่อย ๆ เมื่อเคราตินหลุดออกแล้ว เส้นผมก็จะกลับมาชี้ฟู จึงควรเติมเคราตินทุก 3 เดือน หรือเมื่อเริ่มรู้สึกว่าผมกลับมาชี้ฟูนั่นเองค่ะ
ยืดผมเคราติน กับ ยืดผมถาวร แตกต่างกันอย่างไร
การยืดผมเคราตินกับยืดถาวรมีความแตกต่างกันทั้งวิธีการ ข้อดี และข้อเสีย การยืดเคราตินจะเป็นการเติมเคราตินเข้าไปอย่างที่กล่าวไว้แล้วข้างต้น ทว่าการยืดถาวรนั้นจะเป็นการทำเคมี โดยน้ำยาจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในของเส้นผม ทำให้ผมที่เคยหยิกหรือหยักศกแต่กำเนิด กลายเป็นผมตรงได้
แต่ทั้งการยืดผมเคราตินและการยืดถาวรก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
ยืดผมเคราติน
ข้อดี : การยืดผมเคราติน จะคล้ายกับการทำทรีตเมนต์เพื่อเติมเคราตินเข้าไปในเส้นผม ทำให้คนที่มีผมแห้งเสีย อ่อนแอ หรือผ่านการทำเคมีมาอย่างรุนแรง ก็สามารถยืดผมเคราตินได้ นอกจากนี้ ผมยืดเคราตินจะมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ตรงทื่อเหมือนการยืดผมถาวร และไม่ทำให้ผมเสียเพิ่ม
ข้อเสีย : การยืดเคราตินเป็นการบำรุงจากภายนอก ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในเส้นผมได้ จึงไม่สามารถเปลี่ยนผมหยิกให้กลายเป็นผมตรง 100% นอกจากนี้ เคราตินจะค่อย ๆ สลายหายไปเมื่อโดนเคมี หรือเมื่อโดนน้ำ ทำให้ต้องยืดผมเคราตินบ่อยกว่ายืดถาวร แต่ก็ไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป เพราะหากเคราตินสะสมอยู่ที่ผมมาก ๆ ก็อาจจะทำให้ผมดูแข็งกระด้างได้เช่นกัน
ยืดผมถาวร
ข้อดี : การยืดผมถาวรจะให้ผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่าการยืดผมเคราตินค่ะ เพราะไม่ว่าจะเป็นลักษณะผมหยิก หยักศก หรือผมแบบไหน ก็สามารถทำให้ตรงสวยได้ เพราะเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างภายในของเส้นผม การยืดถาวรจะได้เส้นผมที่ตรง และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถาวร จนกว่าจะตัดผมเหล่านั้นทิ้งไป
ข้อเสีย : การยืดผมเป็นการใช้เคมีเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในเส้นผม จึงไม่เหมาะกับคนที่มีสภาพผมอ่อนแอ ผ่านการทำเคมีอย่างหนัก โดยเฉพาะผู้ที่มีผมเสียจากการกัดสีผม การยืดผมซ้ำเข้าไปอาจจะทำให้ผมขาดหรือเป็นวุ้นได้เลยค่ะ
วิธีดูแลผมหลังยืดผมเคราติน
วิธีดูแลผมหลังยืดเคราติน ที่อยากแนะนำให้ทำกันมีทั้งหมด 6 วิธี ดังนี้ค่ะ
1. เว้นการสระผม 3-4 วัน
หลังการยืดผมเคราติน 3-4 วัน ควรงดสระผม เพื่อไม่ให้เคราตินถูกน้ำและความชื้นทำลายไป วิธีอาจจะฟังดูยากสำหรับสาว ๆ ที่มักสระผมทุก 2-3 วัน แต่ก็ควรงดเพื่อให้ผลการยืดผมเคราตินอยู่ได้นานขึ้นค่ะ
อาจจะต้องงดทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก หรือกิจกรรมที่จะเจอฝุ่น ควัน เพื่อให้เส้นผมของเราไม่มันหรือสกปรกมากเกินไปในช่วงนี้ค่ะ
2. เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผมเปียก จากเหงื่อ น้ำ และหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำทะเล หรือสระน้ำคลอรีน
อย่างที่บอกไปว่า ความชื้นอาจทำลายเคราติน คนที่ยืดผมเคราตินจึงควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผมเปียก ไม่ว่าจะจากเหงื่อ หรือน้ำ โดยเฉพาะการเล่นน้ำทะเลและสระน้ำคลอรีน เพราะทั้งน้ำทะเลและน้ำคลอรีนทำให้เคราตินหลุดไวขึ้น
3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับเส้นผม และหลีกเลี่ยงแชมพูที่มีส่วนผสมของซัลเฟต
สาร Sodium Lauryl Sulphate (SLS) มีคุณสมบัติในการขจัดความมัน ทำลายโครงสร้างโปรตีน เป็นส่วนผมในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหลาย ๆ ตัว ผู้ที่ยืดเคราตินควรหลีกเลี่ยงสารดังกล่าว และหันไปใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนต่อเส้นผมแทน
4. เลือกใช้ปลอกหมอนที่ไม่ทำลายเส้นผม
เพื่อรักษาโปรตีนในเส้นผมไม่ให้ถูกทำลาย ควรเลือกใช้ปลอกหมอนที่ทำจากเส้นไหม หรือผ้าคอตตอน
5. สามารถใช้ความร้อนกับผมได้ตามปกติ
สามารถเป่า ไดร์ หรือหนีบผมด้วยความร้อนได้ตามปกตินะคะ เพราะจะไม่ได้มีผลกับเคราตินที่เคลือบอยู่ และตัวเคราตินนั้นก็จะทำให้ความร้อนมีผลกับชั้นผมด้านในน้อยลงด้วยค่ะ
6. ควรไปยืดผมเคราตินซ้ำทุก 3-6 เดือน
ผมยืดเคราตินจะมีอายุประมาณ 3-6 เดือน ดังนั้นจึงควรไปยืดผมซ้ำทุก 3-6 เดือน เพื่อให้ผมไม่ชี้ฟู ก่อนทำก็ควรปรึกษาช่างผมก่อนนะคะ หากยังมีเคราตินเดิมเหลืออยู่มากก็จะไม่แนะนำให้ทำ เพราะอาจทำให้ผมแข็งกระด้างได้
แนะนำวิธีดูแลผมให้ผมสวย นอกจากการยืดผมเคราติน
หลาย ๆ คนอาจจะอยากมีผมตรงสวย แต่ไม่อยากเสียเงินเข้าร้านทำผม วันนี้เราเลยมีวิธีการดูแลผมให้สวย นอกเหนือไปจากการยืดผมเคราตินมาฝากกันค่ะ บอกได้เลยว่าเป็นวิธีที่ง่ายมาก ๆ และจะทำให้ผมสวย สุขภาพดีแข็งแรงอย่างแน่นอนหากปฏิบัติเป็นประจำ
1. สระผมอย่างพอดีด้วยวิธีที่ถูกต้อง
สระผมด้วยน้ำที่ไม่ร้อนจัดหรือเย็นจัด ใช้น้ำอุณหภูมิที่พอดีกับเส้นผมและหนังศีรษะของเรา ควรสระผมอย่างสม่ำเสมอทุก 2-3 วัน ไม่สระผมบ่อยเกินไปเพราะจะเป็นการชำระล้างเอาน้ำมันในเส้นผมออกไปมากเกินไป ทำให้ผมแห้ง เป็นรังแค และควรใช้ครีมนวดทุกครั้งหลังสระผม
2. บำรุงด้วยครีมนวดหรือทรีตเมนต์เป็นประจำ
ใช้ครีมนวดหรือทรีตเมนต์บำรุงเส้นผมทุกครั้งหลังสระผม โดยใช้ครีมนวดหรือทรีตเมนต์ชโลมที่เส้นผม เน้นปลายผม แล้วทิ้ง 2-3 นาที เท่านี้ผมก็จะนุ่ม สลวย นอกจากนั้นยังสามารถใช้ช่วงเวลาที่รอหมักทรีตเมนต์ในการนวดหนังศีรษะเพื่อนกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้อีกด้วยค่ะ
3. ไม่นอนหลับในขณะที่ผมเปียก
การนอนหลับไปทั้งที่ผมเปียกจะทำให้เกิดความชื้นสะสม จนเป็นต้นเหตุของเชื้อรา ทำให้หนังศีรษะอักเสบ หรืออาจจะมีอาการคัน นำไปสู่ปัญหาผมร่วงได้ จึงควรเป่าผมให้แห้งสนิททุกครั้งหลังสระผม
4. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผม
เลือกแชมพู ครีมนวด และทรีตเมนต์ให้เหมาะสมกับสภาพผม ไม่ว่าจะเป็นผมแห้ง ผมมัน หรือผมเสีย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผมจะช่วยบำรุงรักษาได้อย่างตรงจุด ทำให้ผมแข็งแรง มีสุขภาพดีนั่นเองค่ะ
5. หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนจัดแต่งทรงผม
การใช้ความร้อนกับเส้นผมจะทำลายเคราติน ทำให้ผมแห้ง ชี้ฟู ไม่มีน้ำหนัก หากไม่สามารถเลี่ยงการใช้ความร้อนได้ ควรเลือกอุณหภูมิให้ไม่ร้อนจนเกินไป เลือกอุปกรณ์ที่มีคุณภาพจะช่วยถนอมเส้นผม รวมถึงใช้สเปรย์หรือเซรั่มกันความร้อน และเติมความชุ่มชื้นให้กับเส้มผมด้วยเซรั่มอย่างสม่ำเสมอ
6. ลดการใช้สารเคมีกับเส้นผม
ลดการใช้สารเคมีกับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นการทำสี ดัด ยืด เพราะจะทำให้โครงสร้างเคราตินเสียหาย ทำให้ผมแห้งเสีย กลายเป็นผมแตกปลาย หรือหากหนังศีรษะโดนเคมีบ่อย ๆ อาจจะทำให้ผมบางได้ หากผมผ่านการทำเคมี ควรบำรุงเป็นพิเศษด้วยทรีตเมนต์และครีมนวด
7. หวีผมให้ถูกวิธี
การหวีผมให้ถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่หลาย ๆ คนละเลย เราควรหวีผมช้า ๆ ไม่กระชาก หรือกระตุกหวี หากหวีแล้วติด หรือมีผมพันกัน ให้ค่อย ๆ สางผมออกอย่างเบามือ อาจใช้หวีที่มีปุ่มตรงปลายเพื่อนวดหนังศีรษะให้เลือดไหลเวียนร่วมด้วย
นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดหวีอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรก เชื้อโรค และแบคทีเรียค่ะ
8. หมั่นเล็มปลายผมเป็นประจำ
ควรเล็มปลายผมทุก 3-4 เดือน เพื่อตัดเอาส่วนที่แห้งเสีย แตกปลายออกไป จะช่วยให้ผมดูสวย ลดการชี้ฟูได้
9. ทานอาหารบำรุงเส้นผม
นอกจากการบำรุงจากภายนอกแล้ว เราสามารถบำรุงผมจากภายในได้ด้วยการทานอาหารบำรุงผม เพื่อเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นต่อเส้นผม เช่น โปรตีน สังกะสี เหล็ก ไบโอติน อาหารที่ควรทานคือ ไข่ไก่ เนื้อสัตว์ ไขมันจากปลา รวมไปถึงผักใบเขียว และควรหลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์ อาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงอื่น ๆ เพราะอาจจะทำให้ผมร่วง เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงรากผมไม่เพียงพอ
10. ปกป้องเส้นผมเมื่อลงสระว่ายน้ำ
ปกป้องเส้นผมจากคลอรีน ด้วยการสวมหมวกว่ายน้ำทุกครั้งที่ลงสระว่ายน้ำ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเคลือบเส้นผม เมื่อว่ายน้ำเสร็จก็ให้ล้างทำความสะอาดและเป่าผมให้แห้งในทันที รวมทั้งเพิ่มการบำรุงด้วยทรีตเมนต์อย่างสม่ำเสมอ เท่านี้ก็ช่วยฟื้นฟูเส้นผมจากการคลอรีนได้แล้วค่ะ
11. ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง
ปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นกับเส้นผมมีหลายสาเหตุค่ะ หากลองดูแลรักษาเส้นผมด้วยวิธีเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจจะใช้วิธีปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางที่มีความรู้ เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพผมอย่างตรงจุด โดยสามารถติดต่อ Dr.Tarinee คลินิกปลูกผม และดูแลโรคเส้นผมครบวงจร ได้ที่ช่องทางต่อไปนี้
- Website : Dr.Tarinee Hair Clinic
- Line : @drtarinee
- Facebook : Dr.Tarinee Hair Clinic ปลูกผม รักษา ผมร่วง ผมบาง
สรุปการยืดผมเคราติน
การยืดผมเคราตินเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในการแก้ปัญหาผมเสีย ชี้ฟู ไม่เรียบลื่น นอกจากจะเป็นการบำรุงโดยไม่ทำร้ายเส้นผมแล้ว ยังสามารถทำได้กับทุกสภาพผม ไม่ว่าจะผ่านการทำเคมีจนสุขภาพผมอ่อนแอแค่ไหนก็ตาม ได้ผมที่ตรงและดูเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม หากเส้นผมของคุณถูกทำร้ายอย่างหนัก หรือมีปัญหาผมที่แก้ไม่ตกอย่างผมร่วง ผมบาง หรือปัญหาอื่น สามารถติดต่อเพื่อปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อที่จะได้สามารถวินิจฉัยและทำการรักษาอย่างตรงจุดนั่นเองค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก
Gallagher, G., (2020, April 1), Pros and Cons of Keratin Treatments, Healthline, https://www.healthline.com/health/keratin-treatment-pros-and-cons
Passam, Z., (2022, April 11), What is a Keratin Treatment?, Philip Kingsley, https://www.philipkingsley.co.uk/hair-guide/chemical-hair-processing-and-colouring/keratin-hair-treatments.html#:~:text=During%20a%20keratin%20treatment%2C%20your,and%20out%20of%20your%20strands